วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ใครฆ่าประชาชน !!!


10 เมษายน 2553 ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาตร์การเมืองไทยอีกครั้งนึงว่า
ประชาชนผู้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
ความเป็นธรรมในสังคม
การใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน ด้วยสองมือเปล่า ถูกรัฐบาลที่ไม่ได้มาตามครรลอง
ประชาธิปไตย แต่ว่าถูกแต่งตั้งในค่ายทหาร
โดยมือที่มองเห็นแล้ว.......ว่าคือใคร
สั่งปราบปรามประชาชน ด้วยอาวุธสงคราม ประหัดประหาร ชีวิต ผู้บริสุทธิ์
ปริดปริว ดั่งใบไม้ร่วง ช่างไร้ความปราณี เห็นผู้มาร่วมชุมนุมเป็น ศัตรูหรืออย่างไร
มีผู้เสียชีวิต 20 กว่าคน บาดเจ็บอีกเป็น พันคน
นี่คือตราบาปของ ผู้สั่ง ฆ่าประชาชนมือเปล่า ต่อให้บิดเบือนข้อมูล ข่าวสาร
ยังไงก็ แก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพ นายก มือเปื้อนเลือด โดยการบิดเบือนข่าว
ออกข่าวใส่ร้าย คนเสือแดงผู้ต้องการประชาธิปไตย ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ให้เป็นอื่นไปได้
วันนี้สายตาทั่วโลกจับจ้องอยู่ที่ เวที ราชประสงค์ ประเทศไทย แล้ว...
แต่สื่อไทยยัง มืดบอดไร้สำนึกในการ เป็น สื่อสาร มวลชน รับใช้ เหล่า ปีศาส ร้าย
อำมาตย์ชั่ว ไม่ยอมเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน ซ้ำยังช่วย บิดเบือน
โฆษณาชวนเชื่อให้กับ รัฐบาลเผด็จการ เหลิงอำนาจ เที่ยว ปิดช่องทางการสื่อสาร
ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
ไม่ว่า จะเป็น ทีวี วิทยุ เวปไซด์ แม้แต่ ไปรษณียบัตร ยังทำได้ สุดจะเลวร้ายเหลือ
ที่จะบรรยาย แต่ว่าการปิดแผ่นฟ้าด้วย ฝ่ามือ มิอาจปิดกั้นได้ ยิ่งปิด ยิ่งทำให้
ประชาชน ค้นหาช่องทาง
เข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริงมากขึ้น ประชาชนในวันนี้ก้าวหน้าไปไกลแล้ว
ผู้ปกครองที่ ตกยุคทั้งหลาย
ประชาชนวันนี้ คือ ดอกผลที่เกิดจากการ ว่านเมล็ดพันธ์ ประชาธิปไตย
และโอกาศ ในชีวิต ของรัฐบาลที่ประชาชนเลือก เข้าไปบริหารบ้านเมืองในช่วง ปี 44 - 49
ทำให้มีโอกาศเติบโต สร้างเนื้อสร้างตัว
ลืมตาอ้าปากได้ กลายเป็นมวลมหา ประชาชน เช่นทุกวันนี้ แม้ รถถัง
อาวุธสงครามก็ไม่สามารถทำลายลงได้ แต่ผู้ที่สั่งฆ่า ประชาชน
ผู้ต่อสู้ด้วยสองมือเปล่า นั้น
จะต้องถูกนำตัวมาขึ้นศาล เพื่อพิจรณา คดี ในฐานะ ผู้ร้าย
ฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ชาติเดียวกัน
ใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการสั่งปราบประชาชน มันผู้นั้นต้องชดใช้..............

เสรีภาพ เสมอภาพ และ ภราดรภาพ จงเป็นของประชาชน ประชาชนจงเจริญ

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

เขายายเที่ยง 2 มาตรฐาน


คงไม่ต้องกล่าวย้ำให้มากเรื่องอีกต่อไปแล้ว สำหรับมาตรฐาน
การตัดสินคดีความในประเทศสารขันนี้ ผู้อาศัยอยู่ด้านล่างตีนเขา
ใกล้พื้นที่ป่าสงวนแค่ 200 เมตร
ถูกจับดำเนินคดี จำคุก 10 ปี ส่วนผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
ซึ่งอาศัยอยู่บนยอดเขาลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวน กว่า 10 กิโลเมตร
กลับไม่ถูกดำเนินคดี หนำซ้ำอัยการสูงสุด ยังตัดสินว่า
ไม่มีเจตนาในการเข้ายึดครอง ค้านความรู้สึกของชาวบ้าน
เป็นอันมาก เปรียบได้กับว่า กระเบื้องกำลังลอยฟู แต่น้ำเต้าถอยจมลง
เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศนี้
กฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ สำหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม แต่จะเข้มงวด ลงโทษรุนแรง กับ ประชาชนธรรมดา
เรื่องนี้ ถ้าเจ้าของบ้านปล่อยวางนำบ้านและที่ดินคืนกรมป่าไม้ไปเหตุการณ์คงคลี่คลายระดับนึงเท่านั้น
เพราะว่าจะให้ หายกันไปเฉยๆ คงไม่ได้ ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว จะมาอ้างว่าไม่เจตนาบุกรุกนั้น ฟังไม่ขึ้น
การตัดสินคดีความในประเทศนี้ วิปริต วิปลาศ ไม่สามารถให้ความยุติธรรม กับคนในชาติได้
เมื่อความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิดแน่นอน
ขบวนการอยุติธรรมที่ปรากฎในสังคมไทยนี้ น่าละอายสิ้นดี

เมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยแล้วสิ่งเหล่านี้

คือความอัปยศ ของวงการ ตุลาการ

ความอัปยศของ กรมป่าไม้ แต่ที่สุดแล้ว

เป็นความอัปยศของผู้ที่เข้าครอบครองและอยู่อาศัย ที่ดินบนยอดเขายายเที่ยง ฟื้นที่ป่าสงวนชั้น 1 A

ความอัปยศนี้จะเป็นตราบาปติดตัวหลอกหลอนไปจนวันตาย ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ก็เล็กกว่า โลง

+!!!!!!+ เอาความถูกต้อง คืนมา

เอาความยุติธรรมคืนมา !!!!!!!!!!!!!!

เอาผืนแผ่นดินของชาติคืนมา!!!!!!!!!

แล้ว เอาสอง มาตรฐาน ยัดใส่ตูด คืนอำมาตย์ ไป ...........................