วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตัวอย่างสินค้า



สินค้าจากเวป อเมซอน







วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ล้มอำมาตย์ เชิดชู รากหญ้า





ถึงเวลาจัดการสั่งสอนพวก อภิสิทธิ์ชน ทั้งหลาย เสียที ว่าอำนาทที่แท้จริงนั้น อยู่กับ ประชาชน

ถ้าพวกนั้น ไม่ใช้วิธี สกปรก โกงการ เลือก ตั้งหรือ กลั่นแกล้ง พรรคของ ชาวรากหญ้า

ต้องได้เสียง ถล่มทลาย ได้เป็น แกนนำ จัดตั้งรัฐบาล อย่างแน่นอน ซึ่งคงสร้าง ความเจ็บแค้น

ให้กับพวก อภิสิทธิ์ชน ผู้ไม่เห็นหัว คนชั่นล่าง ผู้ร่วมชาติ เป็นแน่

ฉนั้น กลุ่มพลัง คลื่น มหาชนทั้งหลาย จงช่วยกัน ปกป้อง และป้องกัน การ โกง กลั่นแกล้ง ยั่วยุ ต่างๆ

ที่จะต้องมี ออกมา ให้ดี เพื่อให้ พรรคของ ชาวรากหญ้า เรา ได้ทำงานให้บ้านเมืองสอาด เข้มแข็ง ก้าวหน้า

พัฒนา โดยถ้วนทั่ว เสมอภาค ถึง พี่น้องร่วมชาติไทย สืบต่อไป


ประชาชนจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ










วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ใครฆ่าประชาชน !!!


10 เมษายน 2553 ได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาตร์การเมืองไทยอีกครั้งนึงว่า
ประชาชนผู้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
ความเป็นธรรมในสังคม
การใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน ด้วยสองมือเปล่า ถูกรัฐบาลที่ไม่ได้มาตามครรลอง
ประชาธิปไตย แต่ว่าถูกแต่งตั้งในค่ายทหาร
โดยมือที่มองเห็นแล้ว.......ว่าคือใคร
สั่งปราบปรามประชาชน ด้วยอาวุธสงคราม ประหัดประหาร ชีวิต ผู้บริสุทธิ์
ปริดปริว ดั่งใบไม้ร่วง ช่างไร้ความปราณี เห็นผู้มาร่วมชุมนุมเป็น ศัตรูหรืออย่างไร
มีผู้เสียชีวิต 20 กว่าคน บาดเจ็บอีกเป็น พันคน
นี่คือตราบาปของ ผู้สั่ง ฆ่าประชาชนมือเปล่า ต่อให้บิดเบือนข้อมูล ข่าวสาร
ยังไงก็ แก้ไขเปลี่ยนแปลงภาพ นายก มือเปื้อนเลือด โดยการบิดเบือนข่าว
ออกข่าวใส่ร้าย คนเสือแดงผู้ต้องการประชาธิปไตย ต่อสู้ด้วยมือเปล่า ให้เป็นอื่นไปได้
วันนี้สายตาทั่วโลกจับจ้องอยู่ที่ เวที ราชประสงค์ ประเทศไทย แล้ว...
แต่สื่อไทยยัง มืดบอดไร้สำนึกในการ เป็น สื่อสาร มวลชน รับใช้ เหล่า ปีศาส ร้าย
อำมาตย์ชั่ว ไม่ยอมเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน ซ้ำยังช่วย บิดเบือน
โฆษณาชวนเชื่อให้กับ รัฐบาลเผด็จการ เหลิงอำนาจ เที่ยว ปิดช่องทางการสื่อสาร
ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
ไม่ว่า จะเป็น ทีวี วิทยุ เวปไซด์ แม้แต่ ไปรษณียบัตร ยังทำได้ สุดจะเลวร้ายเหลือ
ที่จะบรรยาย แต่ว่าการปิดแผ่นฟ้าด้วย ฝ่ามือ มิอาจปิดกั้นได้ ยิ่งปิด ยิ่งทำให้
ประชาชน ค้นหาช่องทาง
เข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริงมากขึ้น ประชาชนในวันนี้ก้าวหน้าไปไกลแล้ว
ผู้ปกครองที่ ตกยุคทั้งหลาย
ประชาชนวันนี้ คือ ดอกผลที่เกิดจากการ ว่านเมล็ดพันธ์ ประชาธิปไตย
และโอกาศ ในชีวิต ของรัฐบาลที่ประชาชนเลือก เข้าไปบริหารบ้านเมืองในช่วง ปี 44 - 49
ทำให้มีโอกาศเติบโต สร้างเนื้อสร้างตัว
ลืมตาอ้าปากได้ กลายเป็นมวลมหา ประชาชน เช่นทุกวันนี้ แม้ รถถัง
อาวุธสงครามก็ไม่สามารถทำลายลงได้ แต่ผู้ที่สั่งฆ่า ประชาชน
ผู้ต่อสู้ด้วยสองมือเปล่า นั้น
จะต้องถูกนำตัวมาขึ้นศาล เพื่อพิจรณา คดี ในฐานะ ผู้ร้าย
ฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ชาติเดียวกัน
ใครคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการสั่งปราบประชาชน มันผู้นั้นต้องชดใช้..............

เสรีภาพ เสมอภาพ และ ภราดรภาพ จงเป็นของประชาชน ประชาชนจงเจริญ

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

เขายายเที่ยง 2 มาตรฐาน


คงไม่ต้องกล่าวย้ำให้มากเรื่องอีกต่อไปแล้ว สำหรับมาตรฐาน
การตัดสินคดีความในประเทศสารขันนี้ ผู้อาศัยอยู่ด้านล่างตีนเขา
ใกล้พื้นที่ป่าสงวนแค่ 200 เมตร
ถูกจับดำเนินคดี จำคุก 10 ปี ส่วนผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน
ซึ่งอาศัยอยู่บนยอดเขาลึกเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวน กว่า 10 กิโลเมตร
กลับไม่ถูกดำเนินคดี หนำซ้ำอัยการสูงสุด ยังตัดสินว่า
ไม่มีเจตนาในการเข้ายึดครอง ค้านความรู้สึกของชาวบ้าน
เป็นอันมาก เปรียบได้กับว่า กระเบื้องกำลังลอยฟู แต่น้ำเต้าถอยจมลง
เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศนี้
กฎหมายไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ สำหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม แต่จะเข้มงวด ลงโทษรุนแรง กับ ประชาชนธรรมดา
เรื่องนี้ ถ้าเจ้าของบ้านปล่อยวางนำบ้านและที่ดินคืนกรมป่าไม้ไปเหตุการณ์คงคลี่คลายระดับนึงเท่านั้น
เพราะว่าจะให้ หายกันไปเฉยๆ คงไม่ได้ ความผิดนั้นสำเร็จแล้ว จะมาอ้างว่าไม่เจตนาบุกรุกนั้น ฟังไม่ขึ้น
การตัดสินคดีความในประเทศนี้ วิปริต วิปลาศ ไม่สามารถให้ความยุติธรรม กับคนในชาติได้
เมื่อความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิดแน่นอน
ขบวนการอยุติธรรมที่ปรากฎในสังคมไทยนี้ น่าละอายสิ้นดี

เมื่อบ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยแล้วสิ่งเหล่านี้

คือความอัปยศ ของวงการ ตุลาการ

ความอัปยศของ กรมป่าไม้ แต่ที่สุดแล้ว

เป็นความอัปยศของผู้ที่เข้าครอบครองและอยู่อาศัย ที่ดินบนยอดเขายายเที่ยง ฟื้นที่ป่าสงวนชั้น 1 A

ความอัปยศนี้จะเป็นตราบาปติดตัวหลอกหลอนไปจนวันตาย ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ก็เล็กกว่า โลง

+!!!!!!+ เอาความถูกต้อง คืนมา

เอาความยุติธรรมคืนมา !!!!!!!!!!!!!!

เอาผืนแผ่นดินของชาติคืนมา!!!!!!!!!

แล้ว เอาสอง มาตรฐาน ยัดใส่ตูด คืนอำมาตย์ ไป ...........................

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เอบราแฮม ลินคอร์น


"บ้านที่แตกแยกกันเอง
ไม่อาจตั้งอยู่ได้ "
[ A House divided against it self cannot stand ]

ชีวิตการเมือง

คนที่รู้จักลินคอร์นตั้งแต่สมัยที่เขายังไม่ได้ลงสนามการเมืองการเลือกตั้ง กล่าวว่า ไม่มีอะไรในชีวิตที่มีความหมายและสำคัญแก่เขามากเท่าการเมือง เขาหายใจเข้าออกเป็นการเมืองหมด พูดได้ว่าลินคอร์นตกหลุมรักการเมืองตั้งแต่เขาเริ่มแตกหนุ่มและฟังความในการปราศัยหาเสียงของนักการเมืองได้รู้เรื่อง แต่ลินคอร์นก็ไม่ใช่นักการเมืองมีอุดมการณ์ แรงกล้าหรือมีความคิดการเมืองก้าวหน้าเหมือนอย่างประธานเหมาเจ๋อตง ตรงกันข้าม ลินคอร์น
ชอบเเละอยากเล่นการเมืองเหมือนคนหนุ่มๆ
ในหัวเมืองทั้งหลายกล่าวกันว่าคนหนุ่มที่ไม่มีการตระเตรียมในอาชีพทางธุรกิจมาก่อนเพราะยากจนหรือไม่มีเส้นสายนั้น หนทางแห่งอาชีพในหัวเมืองแถวนั้นได้แก่ หนึ่ง ทำงานใน โบสถ์ สอง ในสำนักงานกฎหมาย และสุดท้าย ในวงการเมือง ลินคอร์นเป็นพระและศาสนจารย์ไม่ได้ เพราะเขาอ่านและชอบความคิดการเมืองของ ทอม เพนน์ซึ่งเป็นนักปฎิวัติและนักวิพากษ์ ระบอบกษัตริย์และศาสนา เป็นนักกฎหมายหรือนักธุรกิจก็ยาก เนื่องจากลินคอร์นไม่ได้มีเส้นสายจากครอบครัวญาติพี่น้อง เขาจึงตั้งความหวังไปที่การเมืองว่าจะเป็นคำตอบให้แก่อนาคตของคนสามัญที่ไม่มีอะไรเลย

**ประวัติครอบครัวของลินคอร์นนั้นเป็นประวัติของคนรากหญ้าสามัญจริงๆ ไม่ได้สวยหรูร่ำรวยมีเชื้อผู้ดีแปดสาแหรกมาจากไหน เขามาจากครอบครัวที่ไม่มีประธานาธิบดี อเมริกันคนไหนมีกำเนิดอันต่ำต้อยเช่นนี้

ประโยควรรคทอง ของลินคอร์น

" ภายใต้พระเจ้า จะมีการเกิดใหม่แห่งเสรีภาพ รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
จะไม่ถูกทำลายไปจากโลกนี้ "


ที่มา 200 ปี เอบราแฮม ลินคอร์น
Magazine สารคดี

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ครบ 1 ปี โจร พธม ยึดสนามบิน ???

365 วัน แล้วยังไม่มีการดำเนินการใดๆกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย พธม ที่บุกยึดสนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ
ทำลายชื่อเสียงประเทศ ย่อยยับ อย่างที่ไม่อาจจะประเมิณค่าความเสียหายเป็นตัวเลขได้

ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ?

รัฐบาล โจรจัดตั้ง ก็ยังนิ่งเฉยไม่ได้มีความจริงใจที่จะแก้ไขความขัดแย้งในสังคมที่รอวันปะทุ
ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป แล้วว่าเริ่มต้นมายังไง ชาวบ้านทั่วไปรู้เรื่องการเมืองมากกว่าแต่ก่อนมาก
รอวันเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อจะสั่งสอน ไอ้ พรรคการเมือง และนักการเมืองชั่วให้หายไปจากเมืองไทย
รวมทั้งผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลาย ประชาชน ตาสว่างกันทั้งประเทศแล้ว นะ! จะบอกให้

ถ้ายังไม่วางมือ ให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ประวัติศาสตร์ อาจต้องบันทึก ว่า
ประเทศไทย...........หมดสิ้นแล้ว...ระบอบ.......!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

อำมาตย์ จง ระวัง !

สมัคร สุนทรเวช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สมัคร สุนทรเวช
สมัคร สุนทรเวช


นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คนที่ 25
ดำรงตำแหน่ง
29 มกราคมพ.ศ. 2551- 9 กันยายน พ.ศ. 2551
(คำวินิจฉัยของศาล รธน.)
ปฏิบัติราชการแทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
สมัยก่อนหน้าพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
สมัยถัดไปนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง
6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 - 9 กันยายน พ.ศ. 2551
นายกรัฐมนตรีนายสมัคร สุนทรเวช
สมัยก่อนหน้าพลเอก บุญรอด สมทัศน์
สมัยถัดไปนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ดำรงตำแหน่ง
8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2520
นายกรัฐมนตรีนายธานินทร์ กรัยวิเชียร
สมัยก่อนหน้าหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
สมัยถัดไปพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์


ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ดำรงตำแหน่ง
23 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2547
สมัยก่อนหน้าดร.พิจิตต รัตตกุล
สมัยถัดไปนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน


หัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ดำรงตำแหน่ง
24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 - 30 กันยายน พ.ศ. 2551
สมัยก่อนหน้านางสาวสุภาพร เทียนแก้ว
สมัยถัดไปนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์


หัวหน้าพรรคประชากรไทย
ดำรงตำแหน่ง
9 มีนาคม พ.ศ. 2522 - พ.ศ. 2543
สมัยถัดไปนายสุมิตร สุนทรเวช

เกิด13 มิถุนายน พ.ศ. 2478
Flag of ไทย กรุงเทพฯ ประเทศไทย
ถึงแก่อสัญกรรม24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 (74 ปี)
Flag of ไทย กรุงเทพฯ ประเทศไทย
สังกัดพรรคพลังประชาชน (พ.ศ. 2551)
ประชากรไทย (พ.ศ. 2522)
ประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2511)
สมรสกับคุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช
ศาสนาพุทธ
ลายมือชื่อThai-PM-samak signature.PNG

นายสมัคร สุนทรเวช (ชื่อจีน: 李沙馬 Lǐ Shāmǎ[1]; 13 มิถุนายน 247824 พฤศจิกายน 2552) เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนที่ 25 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ดำรงตำแหน่ง 29 มกราคม พ.ศ. 25519 กันยายน พ.ศ. 2551) หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ก่อตั้งพรรคประชากรไทย เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักการเมืองเก่าแก่ ที่มีเสียงพูดและลีลาการพูดเป็นเอกลักษณ์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2 สมัย) ได้ฉายาจากสื่อมวลชนทั่วไปว่า "น้าหมัก" "ออหมัก" หรือ "ชมพู่" (มาจากลักษณะจมูกของนายสมัคร) "ชาวนา" (จากกรณีกลุ่มงูเห่า) เป็นต้น

นายสมัครเริ่มทำงานหลังจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นสื่อมวลชนสายการเมือง โดยเขียนบทความ และความคิดเห็น ทางการเมืองแบบไม่ประจำใน หนังสือพิมพ์สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง 2516 เขียนบทความ การเมืองในหนังสือพิมพ์ประชาไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึง 2520 และเขียนบทความในคอลัมน์ประจำ "มุมน้ำเงิน" หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 จนถึง 2537

นายสมัครข้ามจากการเป็นสื่ออย่างเดียว มาเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยเข้าเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2511 ลงสมัครตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนขึ้นถึงระดับชาติ จนมามีบทบาทโดดเด่นช่วงปี 2519 จากการจัดรายการสถานีวิทยุยานเกราะ ที่มีเนื้อหาโจมตีบทบาทของ ขบวนการนักศึกษาในสมัยนั้น พร้อมทั้งปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังขบวนการนักศึกษา และ เป็นศูนย์กลางประสานงาน ถ่ายทอดกำหนดการ และคำสั่งเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านนักศึกษาใน เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

เมื่อสิ้นสุดเหตุการณ์ ในปี พ.ศ. 2519 นายสมัครได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อม ๆ กับการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และในปี พ.ศ. 2522 ได้ก่อตั้ง พรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานคะแนนเสียงหลักในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในเขตที่มีหน่วยทหารตั้งอยู่หนาแน่น

ความคิดและบทบาทของนายสมัคร มักสร้างกระแสมวลชน ทั้งสนับสนุนและคัดค้าน ได้อย่าง กว้างขวางร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็น เหตุการณ์ 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ, ไอเดียหนุนกระทงโฟม ไล่มาจนถึง การกล่าวโจมตี ประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทางรายการโทรทัศน์ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2549